วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ชีวประวัติสุนทรภู่

 พระสุนทรโวหาร (ภู่)  มีนามเดิมว่า ภู่  เป็นบุตรขุนศรีสังหาร (พลับ) และแม่ช้อย  เกิดในรัชกาลที่ ๑ กรุงรัตนโกสินทร์  เมื่อวันจันทร์ เดือนแปด ขึ้นหนึ่งค่ำ ปีมะเมีย จุลศักราช ๑๑๔๘  เวลาสองโมงเช้า ตรงกับวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๓๒๙  ที่บ้านใกล้กำแพงวังหลัง  คลองบางกอกน้อย
     บิดาของสุนทรภู่เป็นชาวบ้านกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง มารดาเป็นชาวเมืองอื่น สุนทรภู่เกิดเมื่อหลังจากได้สร้างกรุงเทพมหานครแล้ว ปี แล้วต่อมาในภายหลังบิดามารดาได้หย่าร้างกัน บิดาออกไปบวชอยู่ที่วัดป่ากร่ำอันเป็นภูมิลำเนาเดิม ส่วนมารดาได้เข้าไปอยู่ในพระราชวังหลัง ถวายตัวเป็นนางนมของพระองค์เจ้าหญิงจงกล พระธิดาในเจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ ดังนั้นสุนทรภู่จึงได้อยู่ในพระราชวังหลังกับมารดา และได้ถวายตัวเป็นข้าในกรมพระราชวังหลัง
เมื่อสุนทรภู่อายุได้ประมาณ ขวบ มารดาได้นำไปฝากให้เรียนหนังสือกับพระในสำนักวัดชีปะขาว


   เมื่อโตพอเรียนหนังสือได้ สุนทรภู่ถูกส่งไปยังสำนักวัดชีปะขาว หรือวัดศรีสุดาราม คลองบางกอกน้อยใกล้ๆกับพระราชวังหลัง พอเริ่มเป็นหนุ่มสุนทรภู่ได้ทำงานเป็นเสมียนนาย ระวาง กรมพระคลังสวน มีงานคือ คอยเก็บอากรสวนและวัดระวาง แม้จะได้งานราชการมั่นคงดี แต่สุนทรภู่เบื่อเพราะใจชอบทางหนังสือคือแต่งกลอนมากกว่า เลยลาออกจากกรมพระคลังสวนกลับมาอยู่วังหลังตามเดิมด้วยเป็นข้าวังหลังอยู่แล้ว ที่นี่สุนทรภู่ได้พบรักครั้งแรก หญิงที่สุนทรภู่ติดใจนักหนาชื่อ “ จัน ” เป็นข้าราชบริพารในวังหลังเช่นเดียวกัน ทั้งสองลอบรักใคร่แต่ไปไม่รอดความแตก กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข ทรงกริ้วให้ลงอาญาจองจำคนทั้งสองไว้ คนทั้งสองถูกจองจำอยู่ไม่นานนัก ก็ได้รับอิสรภาพ ด้วยเหตุที่กรมพระราชวังหลังทิวงคต แต่สุนทรภู่ก็เจออุปสรรครักอีก เพราะว่าที่พ่อตาไม่ชอบหน้า เนื่องจากมีผู้สูงศักดิ์คนหนึ่งหมายปองนางจันอยู่ก่อน แต่เห็นทีนางจันจะไม่ชอบ กลับมีใจเอนเอียงมาทางสุนทรภู่มากกว่า สุนทรภู่คงถูกบีบจนต้องออกเดินทางอย่างเร่งร้อนไม่ทันได้ร่ำลาคู่รัก มุ่งสู่เมืองแกลงหวังไปบวชและไปหาพ่อ แต่โชคไม่ดีสุนทรภู่เกิดเป็นไข้ป่า อาการหนักเกือบตายต้องรักษาตัวนานเป็นเดือนเลยไม่ได้บวช และสุดท้ายเดินทางกลับกรุงเทพฯ
       สุนทรภู่กลับเข้ากรุงและเข้ารับราชการในวังหลังอีกครั้ง และที่สุดก็ได้แต่งงานอยู่กับนางจัน       สมปรารถนา เพราะอัครชายาของกรมพระราชวังหลัง ทรงยกนางจันประทานให้ แม้เมื่อสุนทรภู่ได้ลูกชายคนแรก ก็ทรงรับไปเลี้ยงดู แต่ชีวิตคู่ของสุนทรภู่ไม่ราบรื่นเหมือนคนอื่นเพราะสุนทรภู่ดื่มสุราเมามายเป็นอาจิณ นางจันจึงขอแยกทางเดิน สุนทรภู่เร่ร่อนไปถึงเมืองเพชร ไปร่วมงานกับศิลปินละครคณะนายบุญยัง โดยรับหน้าที่เป็นคนบอกบท ละครคณะนายบุญยังนี้ว่ากันว่ามีชื่อเสียงโด่งดังมาก ที่สุดก็เบื่อ สุนทรภู่กลับเข้ากรุงอีก คราวนี้โชคดีมีโอกาสรับราชการในวังหลวง และเพราะเป็นกวีที่เขียนกลอนได้รวดเร็วกับมีปฏิภาณดีเยี่ยม จึงก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งกวีที่ปรึกษาของ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น  “ ขุนสุนทรโวหาร ”


     
     จากวังหลังมาอยู่วังหลวงชีวิตก้าวหน้าขึ้น แต่สุนทรภู่ยังคงดื่มสุราเมามายอยู่ วันหนึ่งไปหาแม่ขณะเมาสุรา แม่จึงกล่าวตักเตือนแต่สุนทรภู่กลับแสดงอาการก้าวร้าว ญาติผู้ใหญ่เข้าห้ามปราม สุนทรภู่กลับทุบตีทำร้าย จนญาติผู้ใหญ่ท่านนั้นได้รับบาดเจ็บ ความทราบถึงรัชกาลที่ ๒ พระองค์โปรดฯ ให้ลงโทษติดคุก ต่อมา รัชกาลที่ ๒ ทรงติดขัดในพระราชนิพนธ์บทละครหาคนแต่งต่อให้ถูกพระราชหฤทัยไม่ได้ จึงให้เบิกตัวสุนทรภู่มาแต่งต่อให้ สุนทรภู่จึงได้รับพระราชทานอภัยโทษตั้งแต่นั้น เชื่อกันว่าเพชรแห่งวรรณคดีไทย คือนิทานคำกลอนเรื่อง “ พระอภัยมณี ” สุนทรภู่เริ่มแต่งตอนติดคุกอยู่นี้เอง เมื่อพ้นโทษออกมา สุนทรภู่จึงประพฤติตัวดีขึ้น นอกจากจะรับราชการเป็นกวีที่ปรึกษาแล้ว ยังมีหน้าที่สอนหนังสือเจ้าฟ้าอีก ๒ พระองค์ด้วย หลังจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยสวรรคต กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์เสวยราชย์เป็นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ สุนทรภู่อยู่ไม่ได้เพราะรู้เต็มอกว่าพระองค์ท่านไม่โปรด จึงไปบวชอาศัยพระศาสนาคุ้มภัย เมื่อขาดราชการหนีหายไปเฉยๆสุนทรภู่เลยถูกปลดจากราชการ ถูกถอดยศถาบรรดาศักดิ์กลายเป็น “ นายภู่ ” ราษฎรเต็มขั้น คนที่รู้จักมักคุ้นจึงเอาบรรดาศักดิ์ “ ขุนสุนทรโวหาร ” ผนวกเข้ากับชื่อตัว คือ “ ภู่ ” เรียกขานว่า “ สุนทรภู่ ” มาจนบัดนี้
        แม้จะบวชเป็นภิกษุแล้ว แต่ชีวิตก็ไม่ค่อยปกติสุขนัก สุนทรภู่ต้องย้ายวัดบ่อยๆ จากวัดเลียบ     ต้องอธิกรณ์ (ผิดวินัยพระ)ถูกขับจากวัด ชีวิตของสุนทรภู่ตอนนี้ นับว่าระหกระเหินมาก สุนทรภู่มาบวชใหม่อีกและจำพรรษาที่วัดแจ้ง ชีวิตเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย เมื่อได้เจ้านายอุปถัมภ์ให้เป็นครูสอนหนังสือพระโอรสของพระองค์ จากวัดแจ้งสุนทรภู่ย้ายวัดอีกคราวนี้ไปอยู่วัดโพธิ์ จากวัดโพธิ์ย้ายไปอยู่วัดมหาธาตุ และจากวัดมหาธาตุย้ายไปอยู่วักเทพธิดาราม เมื่อสิ้นบุญเจ้านายที่เคยอุปถัมภ์ สุนทรภู่สึกมาใช้ชีวิตฆราวาส แต่ต้องเผชิญกับสภาพยากจน ถึงขั้นเกือบจะเป็นคนหลักลอยต้องอาศัยอยู่ในเรือทำมาค้าขายเล็กๆน้อยๆ ด้วยการพายเรือไปตามเรือกสวน ขายของยังชีพไปวันๆ ขณะเดียวกันก็รับจ้างแต่งเพลงยาวบ้าง พอมีรายได้ แต่ที่สำคัญคือ งานกลอนของสุนทรภู่เป็นที่ติดใจของหนอนหนังสือสมัยนั้น จนมีบางคนมาขอจดมาขอลอกไปอ่านบ่อยๆสุนทรภู่ก็ได้ค่าเรื่องจากคนที่มาขอลอกไปนั่นเอง นับว่าสุนทรภู่เป็นกวีคนแรกที่สามารถขายงานประพันธ์ของตนเลี้ยงตนเองได้ อีกนัยหนึ่งสุนทรภู่ คือ         นักประพันธ์อาชีพคนแรกของเมืองไทยนั่นเอง
         หลังจากตกทุกข์ได้ยากมานาน สุนทรภู่ได้รับการอุปถัมภ์จากเจ้านาย คือ พระเจ้าน้องยาเธอ     กรมขุนอิศเรศรังสรรค์พระองค์หนึ่ง และกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพอีกพระองค์หนึ่ง ชีวิตจึงค่อย         กระเตื้องขึ้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว   ขึ้นครองราชสมบัติ ดวงของสุนทรภู่รุ่งโรจน์มาอีกครั้งหนึ่ง เพราะเจ้านายที่ทรงอุปการะสุนทรภู่ คือ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ทรงได้รับสถาปนาเป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวกษัตริย์พระองค์ที่ ๒ สุนทรภู่กลายเป็น “ พระสุนทร-โวหาร ” เจ้ากรมอาลักษณ์ฝ่ายพระราชวังบวร ในบั้นปลายแห่งชีวิตนี้เอง สุนทรภู่มีชีวิตอันเปี่ยมด้วยลาภ ยศ อีกครั้งหนึ่งเมื่ออายุ ๖๖ ปี ครั้น พ.ศ. ๒๓๙๘ สุนทรภู่ก็ถึงแก่กรรม รวมอายุได้ ๗๐ ปี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น